การรับเคลมประกันภัย (ซ่อมห้าง/ซ่อมอู่ทั่วไป)
ขออธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับการเคลมประกันภัย ในความแตกต่างของกรมธรรม์ซ่อมห้าง และซ่อมอู่ทั่วไปครับ อย่างที่หลายๆคนรู้ แต่ก็มีบางท่านที่ไม่ทราบว่า ประกันภัย ถึงแม้จะเป็นประกันภัยชั้นหนึ่ง เอง ก็มีการแบ่งแยกเกรดการซ่อมอย่างชัดเจน
ความแตกต่างของอู่ห้างและอู่ทั่วไป จะจัดเกรดโดยบริษัทประกันภัย โดยทางบริษัทประกันภัยจะดูความพร้อมของอู่เป็นหลัก มาตรฐานการซ่อม เช่น ระบบสี มาตรฐานเครื่องมือในการรับงานทั้งหนักและเบา จำนวนช่าง ความชำนาญงาน และความสามารถในการให้บริการลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่า อู่มาตรฐานห้าง ย่อมมีการลงทุนที่สูงกว่า และต้นทุนการบริหารสูงกว่าอู่ทั่วไป
แน่นอนว่า เกรดการซ่อมแบบกรมธรรม์ซ่อมห้าง หรือซ่อมศูนย์นั้นจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ากรมธรรม์เกรดอู่ทั่วไป นั่นคือ ค่าแรงซ่อมที่สูงกว่า นั่นหมายถึง อู่เกรดห้าง จะมีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้สี วัสดุ รวมถึงช่างฝีมือ ที่มีคุณภาพมากกว่า และอีกทั้ง การเบิกเปลี่ยนอะไหล่แท้ จากศูนย์ ซึ่งจะได้คุณภาพการซ่อมที่ดีกว่าประกันเกรดอู่ทั่วไปครับ
เงื่อนไขของประกันเกรดอู่ทั่วไป แน่นอนว่า เป็นสัดส่วนที่เยอะกว่ากรมธรรม์เกรดซ่อมห้างในตลาด การกำหนดราคาค่าซ่อมจะกำหนดโดยบริษัทประกันภัย ซึ่งแต่ละประกันภัยก็จะมีมาตรฐานราคาที่แตกต่างกัน แต่จะได้ราคาค่าซ่อมต่ำกว่าอู่ห้าง ประมาณ 40-50% เพราะฉะนั้น การที่จะสามารถอยู่รอดได้ในสภาวะค่าแรงที่สูงขึ้นในปัจจุบันนี้ จะต้องเน้นหนักในด้านของปริมาณการซ่อม ซึ่งผมก็เห็นหลายๆอู่ที่ได้พัฒนาความเร็วในการซ่อมถึงต้องยอมรับได้เลยว่า ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ
ประเด็นของการเน้นที่ปริมาณการซ่อมเป็นหลักนั้นในความคิดเห็นส่วนตัวคือ การควบคุมมาตรฐานการซ่อมให้อยู่ใน Level ที่ลูกค้ารับได้หรือไม่ งานซ่อมสีเป็นเรื่องที่มีความละเอียด และค่อนข้างจุกจิกพอสมควร เหตุนี้จึงเป็นปัญหาในเรื่องคุณภาพงานซ่อม และความปวดหัวของลุกค้าที่จะตามมา และนี่คือปัญหาลูกโซ่ที่ยืดเยื้อในวงการอู่ซ่อมสีรถยนต์ในบ้านเรา
สรุปโดยรวมก็คือ อู่ซ่อมสีรถยนต์ในประเทศไทยนั้น 90% ต้องผูกกับประกันภัยที่จะส่งงานมาให้อู่ เป็นเส้นเลือดหลักในการหล่อเลี้ยงอู่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งในจุดนี้ ทางประกันภัยได้กำหนดราคาเบี้ย เกรดซ่อมอู่ทั่วไป ซึ่งยึดตามราคากลาง ลด% บ้าง หรือราคาสมาคมประกันวินาศภัยบ้าง ซึ่ง โดยเฉลี่ย ทำสีกันชน 1 ชิ้น มักจะไม่เกิน 1800 บาท ทำสีรอบคัน ไม่เกิน 20000 บาท รวม VAT เรียบร้อย เมื่อเราทอนราคา VAT ออก ก็จะเป็นรายได้ต่อคันของอู่ทั่วไปอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุดังกล่าว คนเราทำธุรกิจนะครับ ก็ต้องมีกำไร แต่ก่อนที่จะเป็นกำไร ก็ต้องมีต้นทุน ไม่ว่าจะค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว ค่าไฟฟ้า ค่าการลงทุน หรือค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ เช่น สี ทินเนอร์ ตัวกาว หรือ แลกเกอร์ ซึ่งราคาวัสดุสิ้นเปลืองนั้นก็ยังแปลผันตามราคาน้ำมัน ซึ่งปรับสูงขึ้นแบบ non stop อีกต่างหาก
การสร้างกำไรจากงานนั้น ฟังดูเหมือนว่าการลดคุณภาพวัสดุสิ้นเปลืองดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด ทำให้คุณภาพของมาตรฐานการซ่อมตกต่ำลงเรื่อยๆ ช่างที่ขาดแคลนมากขึ้น ก็ทำให้ฝีมือแรงงานต่างๆก็โดนซื้อตัวไปมา ทำให้ต้องเกิดการใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งบางครั้ง ก็ตอบไม่ได้จริงๆว่า งานออกมาใช้มือทำ หรือตีนทำ
ผมเลยจะบอกว่า อู่ที่รับราคาทำสีรอบคัน คันละหมื่นกว่าบาท ท่านไม่ต้องคาดหวังเลยครับว่าจะได้คุณภาพ สีรถยนต์ที่มีคุณภาพวัดกันที่ ความเงาว่าจะ Drop หลังพ่นสีไปมากน้อยเท่าไหร่ ความเงาจะคงทนเมื่อใช้งานแค่ไหน สีจะมีการซีดจางเมื่อผ่านการใช้งานไปแล้วกี่ปี ส่วนใหญ่ที่เห็น ลูกค้ารับรถไปไม่เกิน 6 เดือน ความเงาจะ Drop ลง และนานกว่านั้น ความเงาก็จะ Drop ลงไปจนด้านไปเลย ซึ่งบอกได้เลยว่า เมื่อถึงเวลานั้น ระยะการรับประกันงานของอู่ที่ท่านไปทำมา มันหมดไปนานแล้วละครับ
มาว่ากันเรื่องการซ่อมเกรดห้างกันบ้าง ไม่มีอะไรมากครับ อู่ห้างที่ใช้วัสดุคุณภาพก็มีไม่น้อย ศูนย์บริการที่ดีก็มีอยู่เยอะ เพียงแต่ว่า จะเป็นงาน SUB (Subcontract) หรือไม่แค่นั้นเอง เนื่องจากงานซ่อมสีรถยนต์ในปัจจุบัน ได้ถูกบังคับโดยผู้ผลิตรถยนต์ว่า ศูนย์บริการจำต้องมีศูนย์ซ่อมสีเป็นของตนเอง ซึ่งด้วยการขาดความรู้ หรือประสปการณ์ของผู้บริหารหลายๆแห่ง ก็ได้ใช้ระบบ Subcontract เพื่อให้เข้ามาบริหารงานซ่อมสีแทน เนื่องจากราคาซ่อมสีของห้างนั้น สูงกว่าราคาซ่อมสีของอู่ทั่วไป และมีปริมาณการซ่อมที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถแบ่งกัน 50/50 ได้
และเหตุนี้ ประเด็นนี้ คุณภาพก็ขึ้นกับความรับผิดชอบของ subcontract ของศูนย์นั้นๆ ราคาที่หารออกมาก็ไม่แตกต่างจากราคาซ่อมอู่ทั่วไปซักเท่าไหร่ แต่แน่นอนได้ปริมาณ ซึ่งก็สามารถบอกได้เลยว่า มันก็ไม่แน่ที่ท่านเข้าศูนย์บริการแล้วจะได้งานที่มีคุณภาพจริงๆ
ที เอส มอเตอร์ เป็นอู่เกรดห้างที่ผ่านมาตรฐานการซ่อมของบริษัทประกันภัยหลายๆแห่ง ซึ่งท่านจะสามารถดูรายชื่อบริษัทประกันภัยในสัญญาของเราได้ที่ https://www.tsmotor.co.th/เคลมประกันภัย-กับ-ที-เอส-มอเตอร์.html
การบริหารงานของเรา ไม่ได้ผ่าน Subcontractor แต่อย่างใด และการเลือกสรรคุณภาพสินค้าที่จะมาใช้กับรถของลูกค้าเรา ต้องผ่านการเลือกสรรมาอย่างเข้มงวด ทำให้เราสามารถรับประกันงาน 1 ปีเต็ม รับประกันความเงา 3 ปีเต็ม และรับประกันสีซีดจาง 3 ปีเต็ม
ขั้นตอนการทำงานของเรา ทำอย่างมืออาชีพ ด้วยการพัฒนาทักษะ และความรู้ อีกทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆกับการซ่อมสีรถยนต์ ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ซี่งเราจะมีการลงทุนระบบการซ่อมสีใหม่ๆออกมาตลอดเวลา เพื่อพัฒนาความเร็วในการซ่อม ความเหมือนของการผสมสี อีกทั้งความคงทน ลดปัญหางานสี สร้างองค์กรของเราเป็นองค์กรการเรียนรู้ของช่างเก่าสู่ช่างใหม่อย่างต่อเนื่อง
ราคาซ่อมสีของ ที เอส มอเตอร์ ได้ตั้งขึ้นมาอย่างสมเหตุสมผล ผมบอกได้เลยว่า ราคาซ่อมสีของเรา เทียบกับอู่ทั่วไปนั้นสูงกว่า แต่ราคาซ่อมสีรถยนต์ของเราไม่สูงกว่าศูนย์บริการยี่ห้อนั้นๆ ราคาซ่อมก็จะขึ้นอยู่กับสภาพความเสียหาย เวลาที่ต้องปฏิบัติงาน ความเสี่ยงของการรับผิดชอบงานของรถยี่ห้อนั้นๆ แต่ด้วยทั้งหมดทั้งปวง วัสดุสิ้นเปลือง เช่น โป้ว สีจริง แลกเกอร์ หรือทินเนอร์ต่างๆ จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งสิ้น ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า เราไม่มีการลดเกรดการซ่อมอย่างแน่นอน
เรายังมีระบบการเคลือบแก้ว Glass Coating, การพ่น Ceramic Clear Coat, การเสริมทักษะ และคุณภาพการพ่น ด้วยปืนพ่นสี SATA HVLP 4000B สั่งตรงมาจากอเมริกา, การอบ Infarred shortwave กับชิ้นงานต่างๆ ซึ่งเราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อ Productivity และ Quality ที่สัมพันธ์กันครับ