การทำความสะอาดเครื่องยนต์
เหตุผลหลักๆ ที่ควรทำความสะอาดเครื่องยนต์ ได้แก่ ป้องกันสนิม ป้องกันการรั่วไหลของของเหลวและน้ำมันเครื่องก่อนเวลาอันควร และป้องกันการสึกหรอต่างๆ (ว่ากันว่าเครื่องยนต์ของรถสัญชาติเยอรมันนั้น มีการออกแบบโรงงานอาบสังกะสีป้องกันสนิมให้กับโครงซุ้มล้อหลังเพื่อป้องกันการรั่วของน้ำมันเลยทีเดียว)
คราบไขมันทับถมช่องเครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์ให้อุ่นขึ้นไวและต่อมาจะดับ การทำความสะอาดโดยใช้น้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ คือใช้น้ำอุ่นไม่ใช่น้ำร้อน ทดสอบได้โดย หากคุณสามารถวางมือไปบนเครื่องยนต์ได้โดยที่มือไม่พองแสดงว่าสามารถทำความสะอาดได้
ท่อไอดี ตัวกรองอากาศ คอยล์ และก้านวัดน้ำมันเครื่อง และช่องระบายอากาศถือเป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ
ใช้ถุงพลาสติกมัดด้วยหนังยางเพื่อคลุมบริเวณท่อไอดี กรองอากาศ คอยล์และจานจ่าย หรือคลุมสองชั้นเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ใช้ถุงพลาสติกขนาดใหญ่คลุมบริเวณจานจ่าย สายไฟบริเวณฝาครอบจานจ่าย โดยอาจคลุมยากนิดหน่อยแต่คุ้มกับความเสี่ยงในการเกิดการช๊อต อย่างไรก็ตาม หากฝาครอบจานจ่ายคุณภาพดีจะสามารถกันน้ำได้? คอยล์เองก็เช่นกันสามารถกันน้ำได้? แต่ทั้งหมดทั้งมวล ถุงพลาสติกเป็นการกันไว้ก่อน นอกจากนี้ ลองสำรวจดูว่าฝากรองน้ำมัน ฝาปิดขั้วแบต ฝาน้ำยาล้าง ฝาก้านวัดน้ำมัน และส่วนประกอบของเครื่องยนต์อื่นๆ แน่นอยู่หรือไม่ และใช้ถุงพลาสติกมัดด้วยหนังยางเรียบร้อยดีหรือไม่
เมื่อคลุมเรียบร้อยดีแล้ว พ่นน้ำยาทำความสะอาดให้ทั่ว โดยเริ่มต้นจากบนลงล่าง น้ำยาล้างสุดโปรดของผมคือ P21S Total Auto Wash เพราะไม่ทำลายสีรถ ไม่ทำร้ายส่วนประกอบที่เป็นอลูมินัม และทำความสะอาดได้ทั้วทั้งคัน และยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย แต่มีข้อควรระวังคือ น้ำยาจำพวกน้ำยาล้างนี้จะทำให้น้ำยาที่ขัดเคลือบหลุดได้ หากมีการล้างบริเวณที่ได้เคลือบไว้ก็ควรเคลือบทับอีกครั้งหนึ่ง โดยปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดทำงานสัก 3-5 นาที จากนั้น ใช้ผ้าคอตตอนแท้ 100% หรือแปรงขนอ่อนขัดเบาๆ บริเวณที่สกปรกมาก และสามารถทำซ้ำได้อีกครั้งหากต้องการทำความสะอาดในส่วนนั้นๆ เพิ่มเติม และเมื่อสะอาดแล้ว ค่อยๆ ล้างออกด้วยน้ำ มีข้อถกเถียงกันถึงประเด็นความแรงของน้ำ บ้างก็ว่าใช้น้ำเบาๆ บ้างก็ว่าใช้น้ำแรงดันสูง แต่ก็แล้วแต่คุณครับ การใช้น้ำแรงๆ อาจทำให้น้ำกระเด็นไปโดนส่วนสำคัญๆ ได้ แต่หากคุณป้องกันเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ หากต้องการให้บริเวณนั้นๆ สะอาดเป็นพิเศษก็ล้างซ้ำก็ได้ครับ
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วให้นำถุงพลาสติกที่คลุมส่วนต่างๆ ไว้ออกโดยทันที ใช้ผ้านุ่ม คอตตอน 100% ซับน้ำส่วนที่เป็นอลูมินัมออกให้หมด ใช้ทิชชูซับบริเวณแบตเตอรี่ให้แห้ง (หากอยู่บริเวณเครื่องยนต์) สตาร์ทรถและปล่อยให้เครื่องยนต์ร้อนสักพัก ความร้อนจะทำให้แห้งได้ดีขึ้น และยังช่วยระบายความชื้นที่อาจสะสมอยู่บริเวณส่วนต่างๆ ได้ ผมเองไม่ชอบนำรถไปล้างด้วยพลังไอน้ำ ผมว่าไอน้ำความดันสูงมีแนวโน้มที่จะก่อให้น้ำซึมเข้าสู่ระบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและทำให้เกิดความเสียหาย เพราะรถในปัจจุบันมีเซ็นเซอร์อยู่มากมายซึ่งทั้งเก็บทั้งประมวลผลข้อมูลมากมาย หากไอน้ำไอน้ำแทรกซึมไปยังเซ็นเซอร์เหล่านั้นและเกิดการกัดก่อนการเชื่อมต่อไฟฟ้า สัญญาณไฟฟ้าอาจจะหยุดชะงักและทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดพลาดได้ หรือไม่ทำงานเลย คุณจะคาดไม่ถึงเลยว่า ต้องใช้เวลาที่ในการถอดทำความสะอาดและเชื่อมต่อเซ็นเซอร์ทั้งหมดใหม่นั้นนานแค่ไหน
และเมื่อทุกอย่างแห้งสนิทและเย็นดีแล้ว คุณอาจเคลือบแว๊กซ์ ยาง พลาสติก และปะเก็นยาง โดยไม่ว่าจะเป็น One Grand Exterior Rubber & Vinyl Treatment หรือ? Meguiars #40 Vinyl/Rubber Treatment ต่างก็ทำงานได้ดีในระดับดีมาก ผมไม่แนะนำให้ทำความสะอาดสายพานยาง เพราะจะทำให้ลื่น? (คล้ายการแว็กซ์ผ้าเบรค)
บริเวณที่เคลือบสีได้รับการขัดได้ (บริเวณที่ไม่ใช่เครื่องยนต์) ถ้าไม่เคลือบผิวอลูมินัมบริเวณจะดูไม่สวยสักเท่าไหร่ และอาจเกิดรอยการกัดกร่อนค่อนข้างขาว ซึ่งยาขัดโลหะอ่อนจะช่วยฟื้นฟูผิวเหล่านั้นได้ ที่ผมชอบก็คือ P21S Multi Surface Finish Restorer Polishแล้วใช้ผ้าคอตตอนแท้ หรือผ้าฝ้าย 100% เช็ด แล้วตามด้วยผ้าสักหลาดคอตตอนแท้ 100% จากนั้นเช็คขั้วแบตให้แน่ใจว่าสะอาดดีแล้ว หากยังสกปรกอยู่ ปลดขั้วออกแล้วทำความสะอาด แล้วเชื่อมต่ออีกครั้ง สุดท้าย เช็คระดับของเหลวทั้งหมด นำถุงพลาสติกที่คลุมอยู่ออกและทำความสะอาด เป็นอันเรียบร้อย